ธนบัตรที่ไทยเริ่มสั่งพิมพ์กับบริษัทโทมัสเดอลารูในวาระแรกหลังจากสิ้นสุดสงครามนั้น ได้แก่ ชนิดราคา ๑ บาท ๕ บาท ๑๐ บาท ๒๐ บาท และ ๑๐๐ บาท
"ธนาคารไม่ทราบว่าธนบัตรที่สั่งไปชนิดราคา ๑ บาท ๕ บาท และ ๑๐ บาท พิมพ์ที่เมืองย่างกุ้ง ประเทศพม่า มาในปี พ.ศ. ๒๔๙๑ ปรากฏว่าธนบัตรชนิดราคา ๑ บาท (ชนิดที่สั่งให้บริษัทโทมัสเดอลารูพิมพ์) ๔ ฉบับ ซึ่งยังไม่มีลายมือชื่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ได้มีผู้นำเข้ามาในอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ธนาคารได้สอบถามไปยังบริษัทฯ บริษัทฯได้ชี้แจงมาให้ทราบว่าเป็นธนบัตรเสียจะต้องทำลาย แต่ถูกคนงานในโรงพิมพ์ที่กรุงย่างกุ้งลักเอาไปจำนวนเล็กน้อย การที่บริษัทฯ เปิดสาขาโรงพิมพ์ขึ้นที่กรุงย่างกุ้งนั้น บริษัทฯ อ้างว่าเพื่อความสะดวกและรวดเร็ว และเพื่อประหยัดค่าขนส่ง ธนาคารจึงทราบว่าบริษัทฯ ได้พิมพ์ธนบัตรของไทยที่ประเทศพม่าด้วย ธนาคารได้ให้หัวหน้าฝ่ายออกบัตรธนาคาร (หลวงธนาทรพินิศ) เดินทางไปดูวิธีการควบคุมการพิมพ์ธนบัตรที่กรุงย่างกุ้งเมื่อเดือนมกราคม ๒๔๙๒ ครั้นเมื่อหัวหน้าฝ่ายออกบัตรธนาคารเดินทางไปถึงจึงได้ทราบเพิ่มเติมว่า บริษัทฯได้พิมพ์ธนบัตรราคาสูงคือ ๕ บาทและ ๑๐ บาทที่กรุงย่างกุ้งด้วย โดยสำนักงานใหญ่ที่กรุงลอนดอนพิมพ์สีพื้น แล้วส่งมาให้สาขาพิมพ์เส้นนูนและหมวดเลขหมายลายเซ็น ธนาคารได้พิจารณาแล้วเห็นว่าสถานการณ์ในประเทศพม่าขณะนั้นไม่ราบรื่น มีการรบพุ่งกับพวกมอญและกะเหรี่ยงใกล้ ๆ กับกรุงย่างกุ้งแทบทุกวัน ประกอบกับกรุงย่างกุ้งก็อยู่ใกล้กับประเทศไทย สะดวกแก่การลักลอบนำธนบัตรเข้ามาในประเทศด้วย นอกจากนั้น ไม่มีเรือเดินตรงจากย่างกุ้งมากรุงเทพฯ ต้องขนถ่ายที่สิงคโปร์ อาจก่อให้เกิดความเสียหายได้ง่าย ธนาคารจึงขอให้บริษัทฯ งดพิมพ์ธนบัตรชนิดราคาสูงที่กรุงย่างกุ้งเสีย ซึ่งบริษัทฯ ก็ยินยอมปฏิบัติตาม สั่งงดพิมพ์ธนบัตรชนิดราคา ๕ บาทและ ๑๐ บาทที่กรุงย่างกุ้งตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ๒๔๙๒ และให้สาขาส่งกระดาษหมึกพิมพ์ แม่พิมพ์ และธนบัตรที่พิมพ์แล้วบางส่วนกลับคืนไปยังสำนักงานใหญ่ในประเทศอังกฤษ ในขณะที่ขนธนบัตรที่พิมพ์แล้วบางส่วนและอุปกรณ์การพิมพ์ลงเรือลำเลียงเพื่อบรรทุกขึ้นเรือใหญ่นั้น เรือลำเลียงเกิดอุบัติเหตุจมลงในแม่น้ำอิรวดี ธนบัตรชนิดราคา ๒๐ บาท หมวดดอกจันหีบหนึ่ง ๕๐,๐๐๐ ฉบับได้จมหายไป ภายหลังมีผู้เก็บขึ้นมาได้นำออกขายในประเทศพม่า แล้วส่งเข้ามาในประเทศไทย ธนาคารจึงได้ทราบอีกว่า นอกจากธนบัตรชนิดราคา ๑ บาท และ ๑๐ บาทแล้ว สาขาบริษัทฯ ที่ย่างกุ้งยังพิมพ์ธนบัตรชนิดราคา ๒๐ บาท หมวดดอกจันอีกด้วย"
สำหรับธนบัตรที่มีผู้ลักลอบ นำเข้ามาใช้ในประเทศนั้น เมื่อทางเราได้รับแลกไว้เท่าใดบริษัทฯ ก็ยินดีชดใช้ให้ทั้งหมด เกี่ยวกับเรื่องนี้ หลวงธนาทรพินิศ หัวหน้าฝ่ายออกบัตรธนาคารซึ่งได้รับคำสั่งจากธนาคารให้เดินทางไปกรุงย่างกุ้งได้เล่าว่า
"ตอนนั้นเดินทางไปพม่ายังไม่มีสายการบินอื่นเพราะสงครามพึ่งเลิก มีก็แต่เฉพาะเครื่องบินโดยสารของบริษัท บี.โอ.เอ.ซี. ซึ่งเป็นเครื่องบินน้ำ มีที่นั่งสำหรับผู้โดยสารสองชั้น ผมไปขึ้นเรือบินที่ท่าเรือคลองเตย และที่เดินทางไปเที่ยวนั้นมีผมเพียงคนเดียวที่เป็นคนไทย พอถึงย่างกุ้งเครื่องบินก็จอดในแม่น้ำอิรวดี แล้วก็เดินทางไปยังที่ตั้งของโรงพิมพ์เป็นเนินอยู่ที่ถนนแคมป์เบลล์ ห่างจากตัวเมืองไม่มากนัก
โรงพิมพ์ที่เขาสร้างนั้นมั่นคงแข็งแรงทีเดียว บริเวณกว้างขวางยิ่งกว่าโรงพิมพ์ธนบัตรของเราเสียอีก ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขามาซื้อหรือทางรัฐบาลพม่าจัดให้ มีกำแพงสูงรอบบริเวณ และตัวที่ตั้งโรงพิมพ์เขาก็ยังทำกำแพงกั้นไว้อีกชั้นหนึ่ง เขาต้อนรับขับสู้และอำนวยความสะดวกเป็นอย่างดีแหละ ให้ผมเดินตรวจวิธีการทำงาน สงสัยอะไรก็อธิบายให้ฟังไม่มีปิดบัง ทั้งผู้จัดการ ช่างใหญ่ และช่างคุมเครื่องล้วนเป็นคนอังกฤษ นอกจากลูกจ้างซึ่งเป็นพม่า แต่เขาก็เลือกจ้างเฉพาะคนที่มีความรู้ในงานที่เกี่ยวกับโรงพิมพ์เท่านั้น
หลังจากนั้นผมก็บอกเขาว่าอย่าพิมพ์ธนบัตรของไทยที่นี่เลยเพราะชายแดนไทยกับพม่านั้นติดต่อกัน มันจะเกิดการยั่วยวนใจให้คนพม่าหรือคนงานที่เป็นพม่าซึ่งตามปกติก็เดินทางไปมาหาสู่กันอยู่เป็นประจำ ให้ทุจริตคิดมิชอบได้ง่าย เขาก็รับฟัง ผมพักอยู่ในโรงแรมที่ย่างกุ้งราว ๆ หนึ่งอาทิตย์
พอกลับมาก็รายงานให้ธนาคารรู้ หลังจากนั้นทางสำนักงานใหญ่ของบริษัทฯ ก็มีหนังสือบอกมายังธนาคารว่าจะเลิกพิมพ์ที่พม่า แล้วเขาก็รื้อถอนโรงงานไปจริง ๆ เครื่องพิมพ์ที่ใช้ก็ขนกลับไปไว้ที่บอมเบย์ซึ่งเขามีโรงงานอยู่เดิม เข้าใจว่าคงพิมพ์ธนบัตรให้รัฐบาลอินเดีย
ตอนหลังผมได้พบกับนายเวสตอลล์ประธานบริษัทฯ กับนายเฮาส์แมน ลูกเขยซึ่งเป็นผู้จัดการจึงต่อว่าว่า ทำไมมาตั้งโรงพิมพ์อยู่ในพม่าถึงได้ไม่บอกกล่าวกันก่อน เขาก็แก้ว่าได้บอกให้ผู้ใหญ่ของไทยรู้แล้ว แต่ก็ต้องชมเขานะ เมื่อบอกให้เลิก เขาก็เลิกจริงๆ ทั้งๆ ที่ลงทุนไปแล้วไม่รู้เท่าไร"
ความพยายามครั้งแรก
สงครามโลกครั้งที่สองพึ่งผ่านพ้นไป ถึงแม้สภาพการณ์ในด้านธนบัตรจะคืนกลับสู่ปกติโดยไทยเราสามารถสั่งพิมพ์ธนบัตรจากบริษัทโทมัสเดอลารูดุจกาลก่อนแล้วก็ตาม แต่กรณีอันเกี่ยวเนื่องกับธนบัตรยังคงเป็นกรณีที่ยังจะต้องพิจารณาโดยต่อเนื่องสืบไป
สัมพันธภาพระหว่างไทยกับสหรัฐอเมริกาภายหลังสงครามได้กระชับแนบแน่นยิ่งกว่าก่อนหน้านั้น มีการติดต่อระหว่างกันมากขึ้นทั้งทางด้านรัฐบาลและเอกชน และด้วยเหตุที่สหรัฐเป็นประเทศหนึ่งในกลุ่มมหาอำนาจผู้มีชัยในสงคราม ได้มีข้อขัดแย้งในลัทธิการเมืองกับมหาอำนาจบางประเทศซึ่งเคยเป็นพันธมิตรมาก่อน เพราะฉะนั้นในการให้ความช่วยเหลือหรือความร่วมมือใด ๆ ที่ให้กับประเทศต่าง ๆ จึงมักจะเน้นหนักในด้านการต่อต้านกับลัทธิคอมมิวนิสต์ จากนโยบายทางการเมืองดั่งกล่าว จึงเป็นช่องทางให้คนอเมริกันบางคนถือโอกาสเข้ามาแสวงหาประโยชน์ในประเทศไทยโดยอาศัยเหตุผลที่กล่าวนั้นเป็นเครื่องมือ
เช่นกรณีของนายวิลเลียมพี. ฮั้นท์ ประธานกรรมการบริษัทซีเคียวริตี้พริ้นติ้ง บริษัทเอกชนผู้รับจ้างพิมพ์ธนบัตรแห่งหนึ่งของสหรัฐ ที่เมืองฟิลาเดลเฟีย
กล่าวกันว่าพ่อค้าอเมริกันผู้นี้กว้างขวางในวงการต่าง ๆ ของสหรัฐทั้งด้านทหารและพลเรือน เมื่อเดินทางเข้ามายังประเทศไทยนั้นก็ได้ติดต่อขอเข้าพบจอมพล ป.พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีโดยตรง แจ้งว่าตนมีความสนิทสนมคุ้นเคยกับนายพลโดโนแวน ผู้บัญชาการทหารฝ่ายสัมพันธมิตรในภูมิภาคแห่งนี้ และเมื่อได้ติดต่อกับนายพลดังกล่าวซึ่งเข้ามาในประเทศไทยก็ได้รับคำยืนยันว่ามีความชอบพอกันจริง จึงเป็นผลให้เส้นทางในการติดต่อกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของไทยเป็นไปด้วยความสะดวกยิ่งขึ้น การเข้าพบก็เพื่อเสนอตัวรับพิมพ์ธนบัตรให้กับประเทศไทยด้วยเหตุผลสองประการ ประการแรกก็ได้แก่การแสดงความหวั่นวิตกว่าประเทศคอมมิวนิสต์อาจจะบ่อนทำลายเศรษฐกิจของประเทศไทยด้วยการพิมพ์ธนบัตรปลอมเข้ามาใช้ กับอีกประการหนึ่งคือ เห็นว่าธนบัตรซึ่งไทยสั่งพิมพ์จากบริษัทโทมัสเดอลารูนั้น คุณภาพไม่ดีทั้งกระดาษและหมึกพิมพ์ สะดวกแก่การปลอมแปลง นายกรัฐมนตรีจึงได้สั่งการให้กระทรวงการคลังพิจารณา ซึ่งรัฐมนตรีว่าการคลัง (พระบริภัณฑ์ยุทธกิจ) ก็ให้นายฮั้นท์ ไปพบกับหัวหน้าฝ่ายออกบัตรธนาคารคือ หลวงธนาทรพินิศ
การปรากฏตัวของพ่อค้าอเมริกันผู้นี้ กล่าวได้ว่าสร้างความขุ่นเคืองใจให้แก่บรรดาผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องเป็นอันมาก คุณหลวงฯลำดับเหตุการณ์ในขณะนั้นให้ฟังว่า
"เขามาหาผมในห้องทำงานอยู่ใต้ถุนกระทรวงการคลังบอกว่าบริษัทฯ เขาพิมพ์ธนบัตรให้แก่รัฐบาลของหลายประเทศมาแล้ว โดยเฉพาะในอินโดจีนอย่างเขมร ลาว กับญวน เขาก็พิมพ์ให้ เรื่องที่เขาบอกนี่ถึงจะจริงแต่เราก็รู้กันอยู่ว่า ตอนนั้นพึ่งเลิกสงคราม ฝรั่งเศสเองก็ยังไม่พร้อมที่จะพิมพ์ธนบัตรให้เมืองขึ้นใช้ เมื่อมีผู้เสนอตัวรับพิมพ์ก็ไม่ขัดข้อง โดยเฉพาะเป็นบริษัทของอเมริกาซึ่งอยู่ฝ่ายเดียวกันระหว่างทำสงคราม เมื่อขอตัวอย่างธนบัตรที่เขาพิมพ์มาทดลองโดยเอาไปแช่น้ำ สีหมึกก็ละลายน้ำ การพิมพ์ก็พิมพ์อย่างเรียบ ไม่มีลายน้ำซึ่งเป็นแบบเดียวกับธนบัตรอเมริกัน ลวดลายก็ไม่มีเส้นนูน ผลเลยบอกไปว่า ธนบัตรที่เขาพิมพ์นี่มันขาดลักษณะที่คนไทยต้องการ ถ้าอยากพิมพ์ก็จะต้องพิมพ์อย่างที่โทมัสพิมพ์เพราะคนไทยนั้นชินกับธนบัตรของโทมัส ถ้าเปลี่ยนไปมันจะกระทบกระเทือนกับประชาชน
เขาแย้งว่า เหตุผลอย่างนั้นไม่พอ เพราะคนอเมริกันเองซึ่งมีจำนวนเป็นร้อย ๆ ล้านยังไม่มีปัญหา เมื่อเห็นผมยืนกรานไม่ยอมตกลงด้วย ก็กลับขึ้นไปบนกระทรวง คุณพระฯ ก็ให้พบกับคุณป๋วยฯฟังข้อขัดข้องอย่างที่ผมบอกไป
คุณป๋วยฯ ก็บอกว่า ถูกอย่างที่ผมว่า ถ้าอยากพิมพ์ก็ต้องพิมพ์ตามที่ผมบอกไปนั่น ไอ้ฝรั่งอเมริกันคนนี้มันกักขละจริง ๆ มันคงโมโหสุดขีดจึงพูดใส่หน้าทั้งคุณพระและคุณป๋วยว่า ที่ตอบกันอย่างนี้มันพวกกินสินบน ข้าราชการพวกนี้ต้องเอาไปยิงเป้าเสียแหละดี
คุณป๋วยโกรธมากทีเดียว ท่านบอกว่าจะไปฟ้องสถานทูตในข้อหาหมิ่นประมาท แต่คุณพระก็ยับยั้งไว้ ที่มันพูดอย่างนี้ผมก็ถือว่ามันรวมผมเข้าไปด้วย ถ้าฟ้องละก็มีหวังแน่ พยานหลักฐานก็ชี้ชัดว่ามันโอหังจริง ๆ หลังจากนั้นมันก็หายหน้าไป"
ความพยายามครั้งที่สอง
มาถึงปี พ.ศ. ๒๔๙๗ พ่อค้าอเมริกันผู้เดียวกันนี้ย้อนกลับมาประเทศไทยอีกครั้งหนึ่ง
ในครั้งนี้ก็คงเดินทางมาบนเส้นทางเดิม คือเข้าพบนายกรัฐมนตรีอีก แต่ด้วยข้อเสนอใหม่คือ จะขอตั้งโรงพิมพ์ธนบัตรในประเทศไทยให้รัฐบาลไทยเป็นฝ่ายลงทุนทั้งหมด ตนรับจะเป็นผู้จัดการเฉพาะในเรื่องการก่อสร้าง ติดตั้งเครื่องพิมพ์ รวมทั้งฝึกคนให้พิมพ์ธนบัตรรวมทั้งพิมพ์แสตมป์และพันธบัตรด้วย แต่มีเงื่อนไขว่าระหว่างที่กำลังจัดตั้งโรงพิมพ์ จะขอรับจ้างพิมพ์ธนบัตร ๓๑๐ ล้านฉบับให้กับไทย ข้อเสนอข้อหลังนี่เป็นข้อเสนอเพิ่มเติมซึ่งไม่ตรงกับมติคณะรัฐมนตรี อีกทั้งข้อเสนอให้ไทยเป็นฝ่ายลงทุนในการจัดสร้างโรงพิมพ์นั้น ก็ไม่อยู่ในวิสัยที่เราจะยอมได้เพราะสภาวะการเงินขณะนั้นยังไม่สู้ดี รัฐบาลเองก็ยังต้องพยายามประหยัดอยู่แล้วในทุกวิถีทาง ในที่สุดจึงตอบปฏิเสธไป
ความพยายามครั้งสุดท้ายสำเร็จและ/หรือล้มเหลว
ยุคสมัยที่บ้านเมืองก้าวเข้าสู่การบริหารบ้านเมือง โดยคณะปฏิวัติซึ่งมีจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เป็นหัวหน้า แม้โครงการต่าง ๆ ตลอดจนวิถีทางในการบริหารบ้านเมืองจะแตกต่างไปบ้างจากเกือบสองทศวรรษที่ผ่านมา กล่าวคือเน้นหนักในรูปแบบของการปกครองที่เรียกว่า “ประชาธิปไตย” ยิ่งกว่าแต่ก่อน ขณะที่นโยบายต่อต้านกับการปกครองแบบคอมมิวนิสต์ก็ปรากฏเป็นที่ชัดเจน สภาพชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทยโดยทั่วไปก็คงดำเนินดุจปกติและพร้อมที่จะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่กับผู้บริหารประเทศยุคใหม่นั้น
ผู้ที่คงยึดมั่นในอุดมการณ์เดิมมิรู้เปลี่ยนแปลงก็ได้แก่นายวิลเลียม พี. ฮั้นท์ พ่อค้าอเมริกันผู้รับจ้างพิมพ์ธนบัตรผู้นั้น
ในต้นปี พ.ศ. ๒๕๐๑ นายฮั้นท์ ก็ปรากฏตัวในประเทศไทยอีกครั้ง และครั้งนี้ในฐานะประธานกรรมการบริษัทรับพิมพ์ธนบัตรชื่อใหม่ซึ่งได้แก่บริษัท Security Columbian Banknote อันเป็นบริษัทซึ่งควบกิจการระหว่างบริษัทเดิมคือ Security Printing กับบริษัท Columbian Banknote ซึ่งก็พอจะนับได้ว่าการดำเนินธุรกิจรับจ้างพิมพ์ธนบัตรของพ่อค้าอเมริกันผู้นี้เจริญรุ่งเรืองไปด้วยดี
และเส้นทางการติดต่อกับประเทศไทยของนายฮั้นท์ครั้งนี้ก็คงเป็นเส้นทางสายเดิม คือติดต่อโดยตรงกับผู้มีอำนาจสูงสุดในการบริหารบ้านเมือง การติดต่อดั่งกล่าวถือได้ว่าได้ผล เพราะข้อเสนอของตนในการรับพิมพ์ธนบัตรก็เพื่อต่อต้านกับธนบัตรปลอมซึ่งจะเป็นเครื่องมือบ่อนทำลายเศรษฐกิจของประเทศไทยโดยฝ่ายคอมมิวนิสต์ กับข้ออ้างที่ว่าในช่วงเวลานั้นได้มีธนบัตรปลอมจำนวนมากซึ่งจัดพิมพ์ในชื่อของบริษัทผู้พิมพ์เดิมคือโทมัสเดอลารูทะลักเข้าสู่ประเทศไทยจากฮ่องกง และมีการซื้อขายกันในบางจังหวัดของภาคเหนือในราคาที่ต่ำกว่าราคาอันเป็นจริงของธนบัตรประมาณครึ่งหนึ่ง และประการสำคัญก็คือธนบัตรที่กล่าวว่าปลอมนี้ เมื่อได้พิสูจน์โดยผู้ชำนาญก็พบว่าเป็นธนบัตรดีด้วย ซึ่งข้อกล่าวหาหลังนี้นับได้ว่ารุนแรงและผู้ได้รับความเสียหายดังกล่าวก็ต้องเป็นบริษัทโทมัสเดอลารูอย่างไม่ต้องสงสัย
การพิจารณาข้อเสนอของนายฮันท์ครั้งนี้มิได้ผ่านขั้นตอนของการพิจารณาจากผู้เกี่ยวข้องเยี่ยงเคยปฏิบัติกันมาก่อน แต่ก็ถือได้ว่ามิใช่ความผิดสังเกตมากนักในยุคสมัยที่บ้านเมืองตกอยู่ภายใต้การปกครองของคณะปฏิวัติ เพราะการตัดสินใจในเรื่องหรือปัญหาที่มีความสำคัญเป็นยิ่งยวดหลายต่อหลายเรื่องนั้น หัวหน้าคณะปฏิวัติได้ประกาศว่าตนเป็นผู้รับผิดชอบเพียงผู้เดียวและดูเหมือนการพิจารณาและตัดสินใจในเรื่องนี้ ไม่มีผู้ใดรวมทั้งสื่อมวลชนได้นำมากล่าวถึงเขียนถึงในเบื้องแรกด้วย จนกระทั่งได้มีการสั่งการจากหัวหน้าคณะปฏิวัติให้ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งถือได้ว่าเป็นผู้ว่าการเพียงผู้เดียวในประวัติศาสตร์ของเมืองไทยและของธนาคารแห่งประเทศไทยที่ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการและรัฐมนตรีว่าการคลังในเวลาเดียวกัน ให้พิจารณาดำเนินการเปลี่ยนแปลงบริษัทผู้รับพิมพ์ธนบัตรจากบริษัทโทมัสเดอลารูเป็นบริษัทซีเคียวริตี้โคลัมเบียนแบงค์โน้ตแห่งสหรัฐอเมริกา และไม่นานหลังจากนั้นก็ได้มีการทำสัญญาว่าจ้างบริษัทดังกล่าว และมีการจ่ายเงินค่าจัดทำแม่พิมพ์ธนบัตรล่วงหน้าให้แก่บริษัทนั้นเป็นจำนวนเงินสูงถึง ๖๖๕,๒๑๕ ดอลล่าร์ สรอ.
เมื่อข่าวการเปลี่ยนบริษัทผู้พิมพ์ธนบัตรเป็นที่ปรากฏ ก็บังเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่ชอบมาพากลในเรื่องนี้กันอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะหนังสือพิมพ์สยามรัฐซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งที่ได้รับความเชื่อถือจากผู้อ่าน ในคอลัมน์ตอบปัญหาประจำวันของหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช ก็ได้นำคำถามและคำตอบเกี่ยวกับเงื่อนงำเกี่ยวกับการตัดสินใจในเรื่องนี้มาเขียนตลอดเวลาหลายวัน ในแนวทางของความเห็นที่เชื่อว่ามีการได้รับผลประโยชน์ตอบแทนหรือนัยหนึ่งเงินสมนาคุณจากบริษัทผู้รับพิมพ์ธนบัตรรายใหม่โดยบุคคลใดบุคคลหนึ่ง
ขณะเดียวกันบริษัทโทมัสเดอลารู ก็ได้ติดต่อผ่านเอกอัครราชทูตของตนประจำประเทศไทยได้ช่วยสืบสวนหาข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ด้วยเหตุผลว่าเพื่อรักษาเกียรติภูมิของบริษัทตน
ด้วยเหตุที่กรณีดังกล่าวกลายเป็นเรื่องอื้อฉาวในหมู่ประชาชนและวงการทั่วไป โดนเฉพาะอย่ายิ่งข้อกล่าวหาเน้นหนักไปในด้านที่ว่า หัวหน้าคณะปฏิวัติซึ่งเป็นผู้สั่งการมีส่วนได้เสียกับการทำสัญญาดังกล่าว จึงให้ระงับการว่าจ้างบริษัทดังกล่าวพิมพ์ธนบัตรให้ตามสัญญา และผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยหรือนัยหนึ่งผู้เป็นรัฐมนตรีว่าการคลังก็ถูกถอดถอนจากตำแหน่ง จากนั้นก็ถูกดำเนินคดีร่วมกับเลขานุการรัฐมนตรีว่าการคลัง ซึ่งตามข้อกล่าวหานั้นระบุว่ามีส่วนร่วมด้วยผู้หนึ่งในการติดต่อว่าจ้างพิมพ์ธนบัตรกับบริษัทที่กล่าวและเป็นเหตุให้ต้องสูญเสียเงินไปเป็นจำนวนมาก
ข้อเท็จจริงในเรื่องนี้จะเป็นฉันใด ย่อมยากแก่ความล่วงรู้นอกไปจากตัวผู้จ่ายเงินให้คือบริษัทซีเคียวริตี้โคลัมเบียนแบงค์โน้ตกับผู้รับเงิน ซึ่งก็ไม่มีผู้ใดมีหลักฐานที่แน่นอนที่จะชี้ชัดได้ว่าคือผู้ใด และเมื่อได้ติดต่อสอบถามเพื่อขอทราบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้จากบริษัทฯ ก็ได้รับการปฏิเสธว่ามิได้มีการจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนในการนี้แก่ผู้ใด
อย่างไรก็ตาม ผลแห่งการดำเนินคดีในเวลาต่อมา ศาลสถิตยุติธรรมก็ได้พิพากษายกฟ้องผู้เป็นจำเลยทั้งสอง ด้วยเหตุผลว่าการปฏิบัติให้เป็นไปตามคำสั่งของหัวหน้าคณะปฏิวัติขณะนั้นถือได้ว่าเป็นการปฏิบัติโดยชอบ เพราะการปฏิบัติตามนั้นก็เท่ากับปฏิบัติการอันชอบด้วยกฎหมายนั่นเอง
ความพยายามของนายวิลเลียม พี. ฮั้นท์ ซึ่งดำเนินมาอย่างมิรู้ท้อถอยตลอดเวลาเป็นหลายปี จะถือได้ว่าได้บรรลุถึงเป้าหมายคือความสำเร็จ หรือจะถือว่าเป็นความล้มเหลวก็คงยากที่ผู้ใดสามารถให้คำตอบอันถูกต้องได้
ผู้ที่เสนอแนะธนาคารให้มาติดต่อรวมทั้งขันอาสาเป็นผู้ทาบทามความตกลงใจของคุณเกษมจิตต์ฯ ก็คือ Mr.Charles Aussem ผู้อำนวยการโรงพิมพ์ธนบัตรของธนาคารชาติเบลเยี่ยมนั่นเอง โดยขณะนั้นได้ถูกยืมตัวให้มาทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาโครงการพิมพ์ธนบัตร เพราะบุคคลดังกล่าวนี้เป็นที่เชื่อถือของหลายประเทศในยุโรปว่ามีความจัดเจนและรอบรู้งานด้านพิมพ์ธนบัตรเป็นเยี่ยมผู้หนึ่ง
การให้ความตกลงกับการติดต่อทาบทามดังกล่าวได้รวมข้อเสนอมาด้วยว่า ช่างเทคนิคของโรงพิมพ์โรงงานยาสูบจำนวนหนึ่ง ซึ่งจะเป็นทีมงานที่มีประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานสูงและมีความจัดเจนเป็นอย่างยิ่งในงานพิมพ์จะต้องมาร่วมปฏิบัติงานด้วย ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทยก็ไม่มีข้อโต้แย้งอันใดกับข้อเสนอดังกล่าวนั้น
เมื่อบรรลุถึงข้อตกลงที่กล่าวแล้ว ช่างเทคนิคซึ่งต่อไปจะต้องมีความรับผิดชอบในงานด้านเทคนิคของโรงพิมพ์ธนบัตรก็ถูกส่งไปศึกษาและฝึกงานด้านพิมพ์ธนบัตรในทุกแขนงงานกับสถาบันต่าง ๆ ในภาคพื้นยุโรปอีกครั้งหนึ่ง
ขณะเดียวกันคุณเกษมจิตต์ฯ กับคุณวานิช จันทรอุไร ผู้ช่วยหัวหน้าฝ่ายงานช่างของโรงงานยาสูบ ก็ถูกยืมตัวให้มาทำหน้าที่ที่ปรึกษาทางเทคนิคในคณะอนุกรรมการพิจารณาจัดหาอุปกรณ์ต่าง ๆ สำหรับโรงพิมพ์ธนบัตรด้วย
สำหรับเครื่องพิมพ์ธนบัตรซึ่งถูกเก็บรักษาอยู่ที่โรงงานยาสูบโดยปราศจากการใช้ประโยชน์อันใดนั้น โรงงานยาสูบก็เสนอขายแก่ธนาคาร แต่ด้วยเหตุที่เป็นเครื่องที่ผลิตขึ้นมาแล้วนานปีและเป็นเครื่องให้ผลผลิตไม่สูงนัก ธนาคารจึงได้ขอแลกเปลี่ยนที่เรียกว่า trade-in เพื่อให้ได้เครื่องรุ่นใหม่ที่ใช้งานในลักษณะเดียวกันแต่ให้ผลผลิตสูงกว่ามากมาแทน โดยเพิ่มเงินส่วนต่างให้แก่บริษัทไป
เมื่อถึงวาระที่การตระเตรียมการทุกสิ่งทุกประการเป็นที่พร้อมสรรพ กล่าวคือ งานก่อสร้างโรงพิมพ์ธนบัตรแล้วเสร็จ การจัดองค์งานทั้งตัวบุคคลและกระบวนการจัดพิมพ์ธนบัตรเป็นไปโดยถูกต้องเยี่ยงเดียวกับหลักปฏิบัติของนานาอารยประเทศซึ่งบริหารงานพิมพ์ธนบัตร และเครื่องพิมพ์ธนบัตรที่สั่งซื้อจากบริษัท Organisation Giori ได้ส่งมาถึงครบจำนวนที่ต้องการและมีการติดตั้งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พิธีเปิดโรงพิมพ์ก็มีขึ้นเมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๑๒ โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จพระราชดำเนินมาทรงทำพิธีเปิด
ถือได้ว่าเป็นการริเริ่มกิจการอันยิ่งใหญ่และมีความสำคัญเป็นยิ่งยวดแก่คนไทยทุกคน
เป็นการหลีกเลี่ยงจากสภาพการณ์ที่คนไทยต้องประสบคือความขาดแคลนธนบัตรยามเมื่อบ้านเมืองตกอยู่ในภาวะคับขันเช่นที่เคยประสบในสงครามโลกครั้งที่แล้ว
เป็นการสร้างความสิ้นสุดในการต้องพึ่งพาอาศัยแหล่งผลิตธนบัตรจากภายนอกประเทศ
เป็นการแปรเปลี่ยนสิ่งที่เคยปรากฎแต่ในความนึกคิดหรือความฝันของคนไทยทั้งมวลให้เป็นความจริง
และเป็นเกียรติภูมิของคนไทยทั้งชาติ สมดั่งคำกล่าวของอดีดผู้บริหารบ้านเมืองผู้ซึ่งเป็นเจ้าของคำกล่าวที่ว่า "ไทยเราเป็นประเทศเอกราช เราจะต้องมีโรงพิมพ์ธนบัตรของเราเอง"