กิจกรรม

บันทึก Book Talk : ปลดล็อกความคิดสู่ชีวิตสุดยอด

วันที่จัดงาน
12 ก.ค. 2021
สถานที่จัดงาน
บันทึก Book Talk : ปลดล็อกความคิดสู่ชีวิตสุดยอด

บันทึก Book Talk : ปลดล็อกความคิดสู่ชีวิตสุดยอด

สรุปกิจกรรม Book Talk โดย นพดล ตังวัชรินทร์

วันอังคารที่ 13 กรกฎาคม 2564 เวลา 12.15 – 13.15 น.

เผยแพร่ผ่าน YouTube "ศูนย์การเรียนรู้แบงก์ชาติ – BOTLC" (รูปแบบ Premieres)

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

แนวทางการสร้างชีวิตสุดยอดองค์ประกอบ 2 อย่าง คือ

  1. ความสุขมีได้ในทุกวันของการเดินทางการใช้ชีวิต ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นสามารถสร้างความสุขกับชีวิตได้
  2. การเดินทางสู่เป้าหมายที่ต้องการ  เช่น ปัจจุบันอยุ่จุด  A อยากก้าวหน้าไปจุด B เมื่อประกอบ  2 จุดเข้าด้วยกัน ชีวิตที่สุดยอดคือ ชีวิตที่มีความสุขในทุก ๆ วัน ไม่ต้องรอให้ถึงจุด B ก่อน

คนในสังคมมักติดกับดักความคิด จากประสบการณ์ของผู้เขียนเคยมีความเชื่อว่าจะมีความสุขเมื่อประสบความสำเร็จ ในวัยเด็กตั้งใจว่าเติบโตจะมีความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน มีความมั่นคง มั่งคั่ง ฐานะดี เพราะสิ่งเหล่านี้ทำให้มีความสุข แต่เมื่ออายุ 40 ปี ได้เป็นผู้บริหารของธนาคารต่างประเทศ รายได้ปีละหลายล้าน มีครอบครัว มีรถยุโรปใช้ ได้ท่องเที่ยว เหมือนมีความสุข แต่กลับไม่พบความสุข จึงใช้เวลา 10 ปีที่ผ่านมา เรียนรู้และสำรวจแนวทาง ทัศนคติ วิธีการ กระบวนการคิดต่าง ๆ ทำให้พบชีวิตสุดยอด ที่มีความสุข และประสบความสำเร็จ

 

ความคิดอาจเป็นกับดักทำให้ไม่ประสบความสำเร็จ ความเชื่อเดิม ๆ ที่ว่ามีความรู้มากจะประสบความสำเร็จนั้น ไม่จริงเสมอไป จากประสบการณ์ความต้องการลดน้ำหนักจากหนึ่งร้อยกว่ากิโลกรัม เพราะตั้งใจดูแลสุขภาพ กับดักความคิดเรื่องลดน้ำหนัก คือ การลดน้ำหนักเป็นเรื่องยาก การกินเท่ากับความสุข เพราะมาจากครอบครัวคนจีนที่พ่อแม่ให้ความสำคัญกับอาหารมาก ทำให้เริ่มสร้างสมการ อยากมีความสุขต้องกิน ถ้าไม่กินไม่มีความสุขจะมีชีวิตเพื่ออะไร จึงปลดล็อกความคิดว่า ความสุขมาได้จากหลาย ๆ ทาง เช่น ร่างกายสดชื่น กระปรี้กระเปร่า มีเรี่ยวแรง สุขภาพดี และยังเพิ่มความคิดอีกว่า การกินมากเกินไปคือความทุกข์ของชีวิต ทำให้ร่างกายเกิดปัญหาในอนาคต ปลดล็อกความคิดทันที ทำให้ลดน้ำหนักได้สำเร็จ ปัจจุบันลดน้ำหนักได้ประมาณ 25 กิโลกรัม เป็นตัวอย่างที่ทำให้เชื่อว่า ความรู้มีส่วนช่วย แต่ความคิดเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้ประสบความสำเร็จ และได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ

 


การยึดติดความสำเร็จในแบบเดิม ๆ ที่ปลูกฝังว่าการมีรถยุโรป มีเงิน ชื่อเสียง ตำแหน่งหน้าที่การงาน รูปแบบการดำเนินชีวิตหรูหรา ทำให้ติดกับดัก การสามารถเดินจากจุด A ไปยังจุด B ที่ต้องการ ด้วยการสร้างความคิดใหม่ว่า จุด A คือจุดที่มีความสุข และเติบโตสร้างสรรค์สิ่งดี ๆ ให้มากขึ้นในชีวิต รู้สึกขอบคุณ ชื่นชม ยินดีกับสิ่งที่เข้ามาในชีวิต การฝึกบ่อย ๆ จะรู้สึกว่า ชีวิตดีขึ้น มีความสุขได้ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร เลือกมอง ชื่นชมสิ่งเล็ก ๆ รอบ ๆ ตัว ปัจจุบันกับสถานการณ์โควิด-19 ที่อาจทำให้รู้สึกเครียด การเปิดใจแม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยก็ทำให้ยิ้มอย่างมีความสุขได้ เช่น ช่วงนี้ฝนเริ่มตก ก็คิดว่าดีจังฝนตกทำให้อากาศเย็น ขอบคุณนะ และมอบรอยยิ้มให้กับฝนที่ตกทำให้มีความสุข หรือการ Work From Home ที่คิดว่าน่าเบื่อไม่ได้ออกไปไหน การคิดว่าถือโอกาสนี้ทำให้ได้กลับมาดูแลบ้าน จัดบ้านให้เป็นระเบียบ และไม่เครียดกับปัญหาการเดินทางไปทำงาน ดีจัง มองวิกฤตให้เป็นโอกาส มีความสุขกับปัจจุบัน ช่วยให้มีพลังชีวิตในการเดินหน้าต่อไป มนุษย์บางครั้งคิดว่าถึงเส้นชัยจะมีความสุข รีบวิ่งเข้าหาเส้นชัย แต่เมื่อถึงเส้นชัยอาจมีความสุขชั่วคราว แล้วมองหาเส้นชัยใหม่หรือสิ่งใหม่ ทำให้ชีวิตต้องวิ่งไล่ล่าความต้องการเหมือนแก้วน้ำที่เติมไม่เต็ม การเปลี่ยนความคิดให้มีความภูมิใจ ความเชื่อมั่น และมีความสุขในการเดินทางจากจุด A ไปจุด B ไม่ได้ไล่ล่าความสำเร็จเพียงเพื่อมาเติมเต็ม แต่รู้สึกว่าเต็มแล้ว ใช้ความสามารถสร้างสรรค์สิ่งดี ๆ เหมือนต้นไม้ที่เติบโตเป็นประโยชน์ให้กับทุกสิ่งรอบ ๆ ส่งผลต่อระบบนิเวศที่เอื้อซึ่งกันและกัน มนุษย์มีความสวยงาม มีคุณค่า แต่อาจมีความไม่สมบูรณ์ในบางเรื่อง ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เป็นแค่ความแตกต่าง ให้เน้นจุดเด่นหรือความพิเศษ ใช้อย่างมีความสุขในทุกวัน ช่วยเหลือกัน เพื่อให้สังคมเป็นสังคมที่มีความพึ่งพาและอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข

 


ทุกคนมีเป้าหมายที่คาดหวัง ประสบความสำเร็จ มีความก้าวหน้า เติบโตอย่างความมั่นคง มีครอบครัวอบอุ่น การจะไปให้ถึงเป้าหมายที่ต้องการ มีหลักสำคัญอยู่ 5 ขั้นตอน คือ

1. รู้เป้าหมาย ทำให้การเดินทางมีจุดหมาย เช่น ตั้งเป้าหมายอยากมีสุขภาพดี มีครอบครัวดี มีความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน การตั้งเป้าหมายต้องค้นหาโดยสำรวจว่ามีอะไรที่อยากได้ ทำให้มีความสุขมากขึ้น หรืออยากสร้างความเปลี่ยนแปลง แล้วตั้งเป้าหมายให้กับตัวเอง 

2. การลงมือทำ เป้าหมายที่ไม่ลงมือทำเป็นเพียงความฝันและไม่ประสบผลสำเร็จ หัวใจสำคัญคือ เมื่อตั้งเป้าหมายแล้วให้ลงมือทำทันที เพราะการเดินหน้าทำจะรู้สึกดี และรู้ถึงข้อจำกัดเพื่อหาทางแก้ไขและเดินต่อ 

3. ตามติดผลลัพธ์ เช่น ตั้งเป้าหมายขับรถไปเชียงใหม่ ต้องไปสายเหนือ ขับรถไปมีป้ายบอกทางอีก 10 กิโลเมตรถึงสมุทรสาคร จะเริ่มสงสัยว่า สมุทรสาครเป็นเส้นทางไปภาคใต้ เป็นไปได้ว่ามาผิดทาง เพราะฉะนั้นในชีวิตจะมีข้อมูลที่เปรียบเสมือนป้ายบอกทาง ทำให้รู้ได้ว่ามาถูกทางหรือไม่ เพราะถ้าผิดสามารถเริ่มต้นหาทางใหม่ได้ทันที

4. พร้อมปรับแนวทาง ทำให้ไปทางที่ถูกต้องมากยิ่งขึ้น

5. ดูแลร่างกายและจิตใจให้เป็นเลิศ มีความสุข ผ่อนคลายเป็นหัวใจสำคัญ ปล่อยวางความเครียด ใช้เวลากับครอบครัว ออกกำลังกาย รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ ทำให้การเดินทางสู่เป้าหมายมีความสุขและประสบความสำเร็จ 

 


สำคัญมากกับการใช้ชีวิต การประสบความสำเร็จและความสุขในชีวิต หัวใจสำคัญคือ ความรับผิดชอบต่อผลลัพธ์ ความสุข ความสำเร็จ ความล้มเหลวที่เกิดขึ้นในชีวิต เช่น วันศุกร์นัดเพื่อนที่สยามเวลา 17.00 น. ไปไม่ทันนัด เพื่อนถามทำไมมาสาย ตอบว่าเพราะรถติดมาก เป็นการไม่รับผิดชอบต่อผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น ผลลัพธ์คือการไปสาย กลับโทษการจราจร ทั้งที่มีวิธีการอื่นทำให้มาทันเวลา สิ่งสำคัญจึงคือการปรับตัวและเรียนรู้เพื่อให้สำเร็จตามที่ต้องการ ควบคู่ไปกับความรับผิดชอบต่อความสำเร็จในชีวิต

 


สมการความคิดพิชิตความสำเร็จ ประกอบด้วย

Outcome หรือผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น หมายถึงเป้าหมายในชีวิต เช่น อยากมีธุรกิจที่เติบโต อยากมีสุขภาพแข็งแรง เป็นเป้าหมายที่อยากได้ ซึ่งเกิดจาก 2 องค์ประกอบ คือ  

          E = Event ปัจจัยภายนอกที่เกิดขึ้นและควบคุมไม่ได้ แต่มีอิทธิพลต่อ Outcome

          R = Response การกระทำ เป็นสิ่งที่เลือก หรือไม่เลือกกระทำได้

Key คือ พร้อมจะปรับเปลี่ยน Response เพื่อให้ได้ Outcome ที่ต้องการ โดยเปลี่ยนแปลงวิธีการและหาวิธีใหม่ ๆ เพื่อสู่ความสำเร็จที่ต้องการ สมการ E + R = O เป็นสมการที่ทำให้ต้องกลับมาทบทวนว่า ณ เวลานี้เป้าหมายที่อยากได้คืออะไร ได้มาหรือยัง ถ้ายังไม่ถึงเป้าหมายเป็นเพราะปัจจัยภายนอก การพร้อมและยอมรับปัจจัยภายนอกที่เกิดขึ้นเพื่อปรับการกระทำ วิธีคิด วิธีการทำงาน การใช้ชีวิต ทำให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ แต่ถ้าปรับแล้วยังไม่ได้ผลลัพธ์ ก็ต้องปรับการกระทำให้ยืดหยุ่นเพื่อนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ต้องการ

 


ในหนังสือ ชวนให้สำรวจเรื่องของโฟกัส หรือสิ่งที่เราให้ความสนใจในแต่ละวัน เป็นส่วนหนึ่งของ NLP (Neuro-Linguistic Programming) ที่น่าสนใจ คือ เราไม่สามารถไม่คิดถึงสิ่งที่ไม่อยากคิดโดยที่ไม่คิดถึงมันก่อนได้ เช่นการเล่นกอล์ฟ เป้าหมายในการตีกอล์ฟ คือ การตีลูกกอล์ฟให้ลงหลุม แต่จะมีอุปสรรคเพื่อสร้างความท้าทาย เช่น ทะเลสาป ทำให้การตีไปถึงจุดหมายยากมากขึ้น อุปสรรคเหล่านี้ทำให้นักกอล์ฟเกิดความกังวลใจคิดแต่เรื่องอย่าตีลูกกอล์ฟตกน้ำ ใจจดจ่อกับเรื่องดังกล่าว จึงทำให้การตีลูกกอล์ฟตกน้ำเป็นเป้าหมายโดยไม่รู้ตัว เพราะคิดถึงและจดจ่อตลอดเวลา สุดท้ายไปฝังที่จิตใต้สำนึกว่าคือเป้าหมาย การคิดแต่สิ่งที่ไม่ชอบ ทำให้พบและเห็นแต่สิ่งเหล่านั้นตลอดเวลา และมักจะติดอยู่กับความคิดนั้น

 


การศึกษาศาสตร์ NLP พบว่าโสตทั้ง 5 ของมนุษย์มีข้อมูลวิ่งเข้ามากระทบการรับรู้มากถึง 2 ล้านข้อมูล / วินาที สมองถูกสร้างขึ้นเพื่อให้มนุษย์สามารถมีชีวิตอยู่รอดโดยไม่จำเป็นต้องรับรู้ 2 ล้านข้อมูล จึงสร้างตัวกรองเพื่อกรองข้อมูลที่จำเป็นต้องรับรู้ ข้อมูลจำนวน 2 ล้านจะถูกกรองเหลือเพียง 134 ข้อมูล คิดเป็น 0.0067 % การตั้งเป้าหมายเพื่อประสบความสำเร็จในบางเรื่องที่คิดว่าเป็นไปไม่ได้ อาจเป็นเพราะมีข้อมูลที่เข้ามาเพียง 134 ข้อมูล การเปิดใจช่วยให้พบข้อมูลที่อยู่นอกการรับรู้นำไปสู่เป้าหมายที่เป็นไปไม่ได้ เมื่อตั้งเป้าหมายควรเริ่มต้นค้นหาข้อมูล เป็นส่วนหนึ่งของการทำงานของสมอง เมื่อไม่มองหาก็ไม่พบ แต่เมื่อเริ่มต้นค้นหาจะพบครั้งละ 134 ข้อมูล / วินาที ประเด็นคือ ถ้าคิดว่าเป็นไปไม่ได้เท่ากับสั่งให้สมองหยุดการค้นหาวิธีการนำไปสู่เป้าหมายที่ต้องการ ทำให้อยู่ในกรอบของความเป็นไปไม่ได้ และไม่สามารถไปสู่เป้าหมายที่ต้องการ

 


ความคิดหรือความเชื่อเป็นเสมือนเบรกมือในชีวิตที่ถูกฝังใจมาตั้งแต่เด็ก ความเชื่อเป็นตัวล็อคความคิด สกัดกั้นไม่ให้ตัดสินใจ ไม่ให้เดินไปข้างหน้า ไม่ให้กล้าทำอะไรบางอย่างที่อยากทำ แค่เปลี่ยนความเชื่อทำให้ไปสู่เป้าหมายที่ต้องการ เช่น ช้างที่ถูกล่ามไว้โดยเชือกหรือโซ่เส้นเล็ก ๆ เมื่อช้างยังเล็กไม่มีกำลังพอที่จะดึงเชือกหรือโซ่ออก สมองของช้างจึงถูกโปรแกรมความคิดว่าไม่สามารถหลุดจากเชือกหรือโซ่ได้ ซึ่งเป็นความจริงในวันนั้นที่ยังเป็นช้างตัวเล็ก ความเชื่อนี้ยังฝังใจอยู่ แม้ว่าช้างจะเติบโตขึ้นก็ไม่คิดจะลองกระชากออกจากเชือกหรือโซ่เส้นนั้น

 


งานสัมมนาต่างประเทศที่ชวนให้ผู้สัมมนาเดินลุยไฟด้วยเท้าเปล่าบนกองถ่าน ในวันสุดท้าย โดยวันแรกให้ผู้สัมมนาโปรแกรมความเชื่อก่อนลุยไฟว่า กำลังเดินบนหญ้าเย็น ๆ  และพาให้เข้าไปอยู่ในสภาวะฮึกเหิม เชื่อมั่น ศรัทธาว่าสามารถเดินลุยไฟได้ การเข้าใจหลักการทำงานของสมอง แค่ความรู้ไม่สามารถเปลี่ยนชีวิต ถ้าต้องการให้สมองทำงานเป็นอัตโนมัติ ต้องโปรแกรมความรู้ สภาวะอารมณ์ และตอกย้ำฝังในจิตใต้สำนึก ทำให้สามารถใช้ชีวิตบนความคิด ความรู้ใหม่ เสมือนหนึ่งว่าเป็นความจริง ความเชื่อมีอิทธิพลมาก เพราะฉะนั้นถ้าอยากประสบความสำเร็จในเรื่องใดความเชื่อมีอิทธิพลมากต่อสิ่งที่จะลงมือทำ ถ้ามั่นใจ ศรัทธา ไม่ว่าจะประสบปัญหาจะสามารถผ่านไปได้ในที่สุดเพราะความเชื่อ

 


มนุษย์ใช้ชีวิตในโลกด้วยความสงสัยตลอดเวลาว่ามนุษย์มีคุณค่า มีความน่าภาคภูมิใจหรือยัง มนุษย์วัดคุณค่าจากความรู้ ทักษะ ความสามารถ ใบปริญญา ใบรับรอง ความสำเร็จ ชื่อเสียง ฯลฯ ซึ่งเป็นบริบทหนึ่ง สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ไม่สำคัญ แต่อาจไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุดในการวัดคุณค่าของมนุษย์ มีคำถามที่น่าคิดคือ การใช้สิ่งเหล่านี้เป็นตัววัดความสำเร็จ แล้วบังเอิญเกิดจังหวะพลิกผันของชีวิตทำให้ความสำเร็จที่เคยสร้างมาหายไป แปลว่าที่สร้างมาหายไปด้วยจริงหรือไม่ ถ้ามนุษย์มีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นกระทบกับคุณค่าที่สร้างขึ้นหรือไม่ การปลดล็อกความคิด คือ คุณค่าของมนุษย์ไม่ได้ผูกกับสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด ควรวัดจากศักยภาพ และพรสวรรค์ที่ไม่เปรียบเทียบกับใคร มนุษย์เกิดมาพร้อมพรสวรรค์ที่ไม่เหมือนใคร มีคุณค่าและศักดิ์ศรีที่เท่าเทียมกัน ความเชื่อมั่นในศักยภาพทำให้เกิดความสำเร็จ ท่ามกลางความท้าทายของชีวิตสามารถยิ้มให้กับทุกเรื่องราว ใช้ความสุขรับมือกับปัญหา สามารถพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสด้วยการมองไปอีกด้านให้มีความสุขเพื่อเปิดโอกาสใหม่ เช่น เจ้าของธุรกิจใช้เวลา 30 ปีในการสร้างธุรกิจพันล้าน ในช่วงเกิดวิกฤตการเงินทำให้ธุรกิจล้มละลาย สิ่งที่หายไปคือธุรกิจพันล้าน แต่สิ่งที่ยังคงอยู่ คือ ความรู้ ประสบการณ์ที่ได้เรียนรู้มาตลอด 30 ปี สามารถสร้างธุรกิจพันล้านขึ้นอีกครั้งในเวลา 3 ปี เพราะมีความรู้ที่สั่งสมมา นี่คือทรัพยากรในเชิงความคิด ถ้ามนุษย์มีความพร้อมในการคิด  เข้าถึงและนำพรสวรรค์ออกมาใช้ทำให้ประสบความสำเร็จ ไม่มีคำว่าแก่เกินไป หรือไม่มีโอกาส โอกาสมีให้เสมอเพียงให้พร้อมและยื่นมือออกไปคว้าโอกาสนั้น อย่าปล่อยให้ความคิด ความกลัว ทำให้ลังเล แม้กระทั่งท่ามกลางภาวะวิกฤตโควิด-19 ยังมีโอกาส ถามตัวเองว่าอยากได้อะไร และลงมือทำ ช่วยให้เห็นเส้นทางต่อไปในชีวิต

 


Sunk Cost (มูลค่าที่เสียไปแล้วไม่สามารถเรียกคืนกลับมาได้) เป็นแนวคิดทางบัญชี หมายถึง เงินที่ลงทุนกับเรื่องบางเรื่องแต่สิ่งเหล่านั้นอาจไม่เกิดประโยชน์ต่อไปในอนาคต  ความเสียดายที่ลงทุนไปแล้วทำให้อยากเก็บสิ่งนั้นไว้ทั้งที่ไม่มีประโยชน์ ทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มและเป็นภาระ เช่น ซื้อรถ BMW มาในราคาหลายล้าน ใช้มา 15 ปี ไม่ค่อยใช้งานจนกลายเป็น Sunk Cost ต้องมาเสียค่าซ่อมบำรุงทุกปี ๆ ละหลักหมื่นบาท จะขายก็เสียดายราคาตกมากจึงเก็บไว้ แม้ไม่ได้ใช้ก็ยังต้องเสียค่าซ่อมบำรุง การเสียดายรถ BMW เป็นประโยชน์หรือโทษมากกว่ากัน สุดท้ายคิดว่าเป็น Sunk Cost แน่นอนเพราะในอนาคตก็ไม่อยากใช้ และยังต้องเสียค่าซ่อมบำรุงรายปี จึงตัดสินใจขาย ทำให้ชีวิตปลอดโปร่ง สบายใจ ไม่ต้องมีภาระในเรื่องการดูแลรักษารถอีกต่อไป การไม่ปล่อยให้ชีวิตติดกับดัก Sunk Cost คืออีกทางของการปลดล็อกความคิดสู่ชีวิตสุดยอด

 

 

ลงทะเบียนรับข่าวสาร
ใส่อีเมลของคุณเพื่อรับข่าวสาร
ธปท. จะเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลข้างต้นของท่าน เพื่อประโยชน์ในการประชาสัมพันธ์แจ้งข่าวสารของศูนย์การเรียนรู้ ธปท. อนึ่ง ท่านมีสิทธิในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล โดยสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้จากพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 หรือนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของ ธปท. ข้าพเจ้าให้ความยินยอมในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวของข้าพเจ้าตามวัตถุประสงค์ที่ได้ระบุไว้